VPS ย่อมาจาก Virtual Private Server แปลว่าเป็น Server ส่วนตัวแบบเสมือน งงล่ะสิ … แปลเป็นภาษาคนอีกที หมายความว่า เป็น Server ของเราเอง แต่ว่าไม่ใช่ Server จริงๆจับต้องได้นะครับ แต่เป็น Server จำลอง อยู่ใน Server จริงๆอีกทีนึง
หลักการคร่าวๆ คือ เจ้าของเครื่อง Server จะใช้โปรแกรมแบ่งเครื่อง Server ตัวเอง ออกเป็นเครื่องเสมือนย่อยๆหลายๆเครื่อง แบ่ง RAM แบ่งฮาร์ดดิสก์ แบ่ง CPU ของแต่ละเครื่องเสมือนออกจากกัน ซึ่งข้อดีสำหรับการใช้ VPS มีดังนี้ครับ
- เรามี Server เป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์
เราจะเหมือนเป็นเจ้าของ Server เองเลย เราจะมี IP เป็นของตัวเอง ไม่ต้องแชร์กับใคร สามารถลงโปรแกรมอะไรได้ตามต้องการ ไม่ต้องรอ หรือง้อให้เจ้าของโฮสท์มาลงให้ จะใช้เครื่องเดียวนี้เปิดเว็บสักกี่โดเมน กี่ซับโดเมน ก็แล้วแต่เรา
การที่เรามีเนื้อที่ มี CPU มี RAM เป็นของเราเอง จะดีกว่า Shared Host คือไม่ต้องแบ่งใคร ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าเว็บคนอื่นจะมาทำให้เว็บเราช้า หรือเราจะไปกวนเว็บคนอื่นจนต้องโดนเตะออกจากโฮสท์ ถึงเขาจะบอกว่า unlimited แต่ถ้าใช้เยอะๆ เขาก็เตะอยู่ดีครับ - ค่าใช้จ่ายน้อย
เนื่องจาก VPS เป็นการเอาเครื่องจริงๆ มาจำลองเป็นเครื่องเสมือนหลายๆเครื่อง จึงทำให้การเช่า VPS มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเช่า Dedicated Server และบางที่ก็ราคาพอๆและถูกกว่าการเช่า Shared Host อีกต่างหาก - ดูแลง่าย
ถึงแม้จะเหมือนมี Server ของเราเอง แต่การดูแลง่ายกว่าการมี Server จริงๆ เพราะว่ามันเป็น Server เสมือน ซึ่งคล้ายกับเป็นโปรแกรมตัวนึง ทำให้สามารถสั่งรีบู้ต ปิดเครื่อง เปิดเครื่อง ผ่านทางหน้าเว็บได้เลย โดยไม่ต้องมีคนไปกดปุ่มที่หน้าเครื่องเหมือน Server จริง จะแบ็คอัพก็ทำผ่านหน้าเว็บได้เลย ไม่ต้องเอาเทปไปเปลี่ยน ไม่ต้องถอดๆใส่ๆฮาร์ดดิสก์
เวลาระบบมีปัญหา อยากจะลง OS ใหม่ ก็ทำได้ง่ายผ่านทางเว็บครับ ไม่ต้องถ่อสังขารไปที่หน้า Server เอง ผมเองเคยดูแล Server แล้วต้องถ่อไปที่ Data Center ตอนดึกๆเพื่อแก้ไขปัญหา ชีวิตรันทดมากๆครับ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมจะไม่ตั้ง Server เองเด็ดขาดถ้าจะเทียบกับ Shared Host แล้วก็ใกล้เคียงกัน เพราะ VPS ส่วนใหญ่ จะมีโปรแกรมช่วยให้การจัดการเว็บได้ง่าย ใกล้เคียงกับการเช่า Shared Host ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะดูแลยากครับ อาจจะยุ่งตอนลงโปรแกรมครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ Shared Host อย่าลืมว่าข้อดีก็คือเราจะลงโปรแกรมเพิ่มได้เอง และไม่ต้องลงโปรแกรมที่ไม่จำเป็นครับ
บทสรุป
VPS ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการหาเนื้อที่ในการทำเว็บ และต้องการเผื่อสำหรับการขยับขยายเพิ่มเติมในอนาคตครับ
VPS อาจจะไม่เหมาะสำหรับเว็บที่ต้องเก็บข้อมูลเยอะๆเป็นร้อยๆ GB หรือพวก Server เกม Server วิดีโอ เนื่องจากเว็บพวกนี้จำเป็นต้องใช้เนื้อที่ดิสก์เป็นของตัวเองทั้งหมด หรือต้องใช้ CPU มากๆ ดังนั้นควรจะใช้ Server ของตัวเองดีกว่า แต่สำหรับเว็บทั่วๆไป VPS ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า Shared Host ครับ อาจจะใช้ยากกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าลงทุนศึกษา จะคุ้มค่าในระยะยาวกว่าแน่นอนครับ
ที่มา http://www.hellomafia.com/vps/vps-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/
ภาพประกอบ https://www.ddshosting.com/wp-content/uploads/2013/07/cloud-vps-server-hosting-usa.jpg
Web Hosting คืออะไร
Web Hosting ( เว็บโฮสติ้ง ) เป็นบริการให้เช่าพื้นที่ในการนำเว็บไซต์มาฝาก เพื่อให้เว็บไซต์คุณสามารถออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตได้ โดยเป็นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ คือ ผู้ใช้บริการไม่ต้องยุ่งยากกับระบบเว็บเซิร์ฟเวอร์ เพราะทางผู้ให้บริการ Web Hosting จะเตรียมการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย แต่คุณต้องทำการ จดโดเมน ก่อนแล้วจึงมาเช่า Web Hosting เพื่อเก็บเว็บไซต์
การเลือก Web Hosting ให้กับเว็บไซต์คุณ
- Web Hosting ตั้งอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ
ให้คุณดูก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาที่เว็บของคุณคือใคร หากเป็นลูกค้าในประเทศ ก็ควรเลือก Web Hosting ที่ตั้งอยู่ในประเทศ เพราะเวลาลูกค้าคุณเข้ามาดูข้อมูลในเว็บไซต์คุณ ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า ไม่ต้องวิ่งไปหาข้อมูลที่ต่างประเทศ แต่หากลูกค้าคุณเป็นลูกค้าต่างประเทศ ก็ควรเลือก Web Hosting ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ เพื่อการเข้าถึงของลูกค้าคุณจะได้รวดเร็วกว่าที่จะต้องเข้ามาดูข้อมูลที่เก็บไว้ที่ Web Hosting ในเมืองไทย - ขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ต้องพอเพียงกับข้อมูลของ Web Site ที่จัดทำ
ปกติพื้นที่ขนาด 5 MB ก็เพียงพอต่อการนำเว็บไซต์ทางธุรกิจทั่วไป ที่มี่ภาพและข้อมูล ยกเว้นแต่หากท่านจะมีข้อมูลเป็นจำนวนมากๆ เช่น ข้อมูลรูปภาพหรือไฟล์เอกสารต่างๆ ที่จะเปิดให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดได้หลายรายการ และแต่ละไฟล์มีขนาดใหญ่ ท่านอาจจะต้องพื้นที่เพิ่ม และบางแห่งจะนำ พื้นที่ ๆ เก็บ E-Mail มานำไปคิดรวมกับพื้นที่ ๆ เก็บไฟล์ข้อมูลของเว็บไซต์คุณ ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่ของเว็บไซต์ท่านไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้ เพราะจะต้องใช้ร่วมกับ E-Mail ซึ่งต้องเช็คกับทางผู้ให้บริการ ก่อนตัดสินใจใช้ E-Mail Box แยกออกจากพื้นที่เก็บไฟล์ข้อมูลเว็บหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่หากรวมกัน ท่านอาจจะต้องการพื้นที่ Web Hosting อย่างน้อย 15 MB เป็นอย่างต่ำ - จะมีการใช้เว็บโปรแกรมมิ่งไหมในเว็บของคุณ?
ถ้าหากเว็บไซต์คุณมีการใช้เว็บโปรแกรมมิ่งในการทำเช่น เว็บบอร์ด, โปรแกรมส่งเมล์หาสมาชิก (Mailing List), หรือ โปรแกรมการเก็บฐานข้อมูล (Database) คุณควรจะเช็คกับทางผู้ให้บริการ Web Hosting ว่า Server ของเค้าเป็น OS อะไร ถ้าหากเป็น Windows ก็สามารถใช้กับ ภาษาในการเขียนโปรแกรมได้แก่ ASP, PHP, Perl ได้ แต่หากเป็น Linux ก็จะสามารถใช้ได้แค่ PHP, Perl เท่านั้น หรือบางท่านอาจจะต้องการใช้ระบบรักษาความปลอดภัย ก็อาจจะต้องใช้บริการ ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแบบ SSL (Secure Socket Layer) ซึ่งจะเหมาะกับเว็บไซต์ทีทำ E-Commerce - ทดสอบคุณภาพการบริการทางอีเมล์
คุณอาจจะลองเมล์ไปสอบถามคำถามต่าง ๆ กับทาง Support แล้วลองดูระยะเวลาการตอบกลับอีเมล์ปัญหาของคุณ ว่าใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ถ้าการตอบแต่ละครั้งใช้เวลานาน (ไม่ควรเกิน 1 วัน) แบบนี้ก็ไม่น่าที่จะเลือกใช้บริการ ลองส่งเมล์ไปสอบถามซัก 4-5 ครั้ง หรือมากกว่านี้ก็ได้ เพื่อดูความรวดเร็วในการแก้ปัญหาให้ลูกค้า และ ความใส่ใจในการบริการ ของผู้ให้บริการ - ราคาไม่ใช่ตัวบอกถึงคุณภาพการบริการเสมอไป
Web Hosting ที่มีราคาแพง ไม่จำเป็นว่าจะมีประสิทธิภาพ และบริการที่ดีเสมอไป ในการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจ Web Hosting คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อซื้อบริการที่ดีกว่า คำว่า “ของดีราคาถูก” ยังมีอยู่ให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน - ช่องทางการติดต่อกับผู้ให้บริการ
ควรจะมีหลาย ๆ ช่องทางในการที่จะติดต่อกับผู้ให้บริการได้ เผื่อในกรณีที่เกิดปัญหาจะได้ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน, โทรศัพท์มือถือ และทางอีเมล์ ผู้ให้บริการ Web Hosting บางรายแม้ว่าจะมีการให้บริการที่ดี แต่ถ้าคุณสามารถติดต่อได้แค่ทางอีเมล์แล้ว นั่นก็หมายถึงว่าคุณจะต้องรอรับการ บริการจากทางอีเมล์เท่านั้น
ระหว่าง Windows Hosting และ Linux Hosting จะเลือกใช้อย่างไร
Windows Hosting และ Linux Hosting คือ Operating System Platform เป็นรูปแบบของระบบปฏิบัติการที่ตัว Web Hosting ใช้งาน จะมีอยู่ 2 ระบบปฏิบัติการใหญ่ๆ ที่ใช้งานคือ Windows หรือ Linux ซึ่งถ้า Web Hosting ที่ใช้ Windows เป็นระบบปฏิบัติการนั่นก็หมายความว่า ภาษาที่ใช้งานก็จะเป็น ASP หรือ ASP.Net และ PHP ส่วน Web Hosting ที่ใช้ Linux เป็นระบบปฏิบัติการภาษาที่ใช้งานก็จะเป็น PHP ถ้าเว็บไซต์ของท่านเขียนด้วย html อย่างเดียว สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง 2 ระบบ แต่ขอแนะนำให้ใช้เป็น Linux เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
Web Hosting ที่ดีจะต้องให้บริการทั้งเครื่องมืออำนวยความสะดวกและคำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อให้สามารถดูแลและแก้ไข website ของตนเองได้ ผู้ให้บริการ Web Hosting จะคิดค่าบริการจากการเช่าพื้นที่ในการให้บริการซึ่ง พื้นที่ดังกล่าวใช้สำหรับเก็บข้อมูล website ที่ต้องการนำเสนอ รวมทั้ง E-Mail Database รายละเอียดเกี่ยวกับสถิติผู้เข้าชม ฯลฯ
ที่มา http://web-hosting.gict.co.th/web-hosting.html
รูปภาพประกอบ http://www.itsupportcn.com/uploadfile/2013/1107/20131107092815710.jpg